New Issues » “แสนสิริ” โกยยอดโอนปี 63 ทะลุเป้า 4.5 หมื่นล้านบาท

“แสนสิริ” โกยยอดโอนปี 63 ทะลุเป้า 4.5 หมื่นล้านบาท

7 มกราคม 2021
0

Newscurveonline.com : “แสนสิริ” สร้างประวัติศาสต์โอนปี 63 เกินเป้าใหม่ที่ปรับเพิ่ม เติบโตจากปีก่อน 45% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทุบทุกสติถิการโอนสูงสุดที่เคยทำได้ในรอบ 36 ปี พร้อมสร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยถึง 35 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6.46 หมื่นล้านบาท กำพรีเซลล์แบ็คล็อกในมืออีกกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท รองรับความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผย ว่า ในปี 2563 นับว่า “แสนสิริ” ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวเศรษฐกิจและสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ สามารถสร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปถึง 35 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6.46 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นทั้งในแนวราบและแนวสูง สะท้อนการบริหารจัดการสต็อกที่อยู่อาศัยที่ดี โดยบริษัทฯ มียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปถึง 4.5 หมื่นล้านบาท เกินจากเป้าหมายใหม่ที่มีการปรับล่าสุดในช่วงปลายปีคือ 4.3 หมื่นล้านบาท หลังจากมีการปรับเป้าโอนเพิ่มขึ้นถึง 4 รอบในรอบปีที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์การโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์และทุบทุกสถิติการโอนที่เคยทำได้สูงสุดในรอบ 36 ปี เติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 45%

ยอดโอนดังกล่าวแบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการคอนโดมิเนียมสูงถึง 2.55 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนถึง 50% และยอดโอนโครงการแนวราบ 1.95 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 39% ผลงานมาจากการปิดการขายและโอนโครงการภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection ด้วยกันถึง 3 โครงการ คือ 98 Wireless แฟล็กชิปคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ บ้านแสนสิริ พัฒนาการ แฟล็กชิปบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียมใจกลางย่านทองหล่อ และโครงการลักซ์ชัวรี่แนวราบ ได้แก่ ไทเกอร์ เลน ลักซ์ชัวรี่โฮมออฟฟิศบนที่สุดของทำเลทอง ไพร์มโลเคชั่นตำแหน่งฮวงจุ้ยท้องมังกรที่หายากใจกลางย่านเสือป่า เยาวราช และปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยวนาราสิริ บางนา และ นาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1 เป็นต้น

ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมามาจากความพร้อมด้วยแผนปรับเปลี่ยนรับมือสถานการณ์ตลาดตลอดเวลา นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 “แสนสิริ” ยังมีการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ด้วยกลยุทธ์ Speed to Market เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด ขยับและเดินเกมเร็วนำหน้าคู่แข่งด้วยกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง นำเสนอโปรโมชันที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า อาทิ “มีเงินเดือนเริ่มต้น 18,000 บาทก็เป็นเจ้าของสิริ เพลส ได้ง่าย ๆ” โปรโมชัน “โปรลื่นปรื้ด” รวมทั้งแคมเปญที่พัฒนาจาก Customer Insight “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” และการรุกการขายในทุกช่องทางผ่าน Multi-Channel เพื่อตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ “แสนสิริ” ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี รวมถึงการบริหารเงินสดในมือที่ดี (Cash is King) ด้วยการกำสภาพคล่องในมือถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ “แสนสิริ” เป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ มีความมั่นคงด้านการเงินจากการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนที่ดีสวนสภาวะตลาด

นอกจากนี้ยอดขายและยอดโอนที่ประสบความสำเร็จยังมาจากความแข็งแกร่งของ “แสนสิริ” ในการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ในทุกระดับราคา สะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ ตลอดจนบริการหลังการขาย หรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัยและความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก LIV-24 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือก “แสนสิริ” ยืนหนึ่งความเป็นผู้นำตัวจริงด้านการอยู่อาศัย ด้วย 2 รางวัลคุณภาพ ทั้งจาก Marketeer : No.1 Brand Thailand ปี 2019-2020 ขึ้นแท่นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ตอกย้ำการพัฒนาโปรดักต์และกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์และตรงใจกับความต้องการของผู้บริโภค และรางวัลจาก Terra BKK : The Most Powerful Real Estate Brand 2020 รักษาแชมป์ 3 ปีซ้อน โดยนับเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ในฝันที่คนส่วนใหญ่อยากเป็นเจ้าของ จากการเป็นผู้นำในหลายด้าน อาทิ มาตรฐานงานก่อสร้าง บริการหลังการขายที่ดี คุณภาพ การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ การออกแบบเพื่อผู้สูงวัย นวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัยและภาพลักษณ์ของแบรนด์

“ในระยะยาว บริษัทฯ ยังมียอดขายรอโอน หรือ Backlog รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม มูลค่ารวมประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 1.98 หมื่นล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 4.2 พันล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ” นายอุทัย กล่าวในที่สุด