Newscurveonline.com : ทุกวันนี้ เชื่อได้เลยว่าโทรศัพท์มือถือเปรียบเสมือนอีกหนึ่งอวัยวะของพวกเราหลาย ๆ คนที่ขาดไม่ได้ ด้วยความสะดวกสบายที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการสื่อสาร หรือจะเป็นแอปพลิเคชันต่างๆ อีกมากมายที่ล้วนรังสรรค์ออกมาให้ชีวิตของเราทุกคนสะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าทำทุกอย่างได้ผ่านปลายนิ้วเลยทีเดียว
วันนี้ เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับแอปพลิเคชันที่หลายๆ คนอาจจะเคยใช้ หรือได้ยินถึงมาก่อนอย่าง “ดอลฟิน” (Dolfin) แอปฯ น้องใหม่มาแรงภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้า และรวมไปถึงบริการการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินออนไลน์ที่มีชื่อว่า “Dolfin Wallet” ที่อยู่ภายใต้การบริหารบริษัทในเครือ ที่เปิดตัวมาได้เกือบหนึ่งปี พร้อมจำนวนผู้ใช้เกิน 1 ล้านราย ว่าเขามีความพิเศษ ฟีเจอร์ และเทคโนโลยีที่แตกต่างจาก e-Wallet รายอื่น ๆ ในไทยอย่างไร?
1.กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ดอลฟิน (Dolfin Wallet) คืออะไร?
เริ่มแรกเลย สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ “ดอลฟิน” หรือ Dolfin Wallet นั้น เราขอให้คุณดาวน์โหลดมาทดลองใช้ฟรี ไม่ว่าจะผ่านระบบแอนดรอยด์ หรือ iOS เพราะเจ้าแอปฯ นี้คือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สุดฉลาดที่จะมาเปลี่ยนประสบการณ์การใช้จ่ายของคุณให้สะดวกสบาย ปลอดภัย และแน่นอนเชื่อถือได้ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่คุณคงอยากลดการสัมผัสให้ได้มากที่สุด ทำให้คุณไม่ต้องพกเงินสดให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวก็เหมือนพกกระเป๋าสตางค์เพื่อซื้อของและรับประทานอาหารได้แล้ว
2.ตัวช่วยสำหรับทุกอย่าง “สะดวก จบ ในแอปฯ เดียว”
ไม่ว่าจะซื้อสินค้า หรือรับประทานอาหาร Dolfin Wallet ก็ช่วยให้ชีวิตผู้ใช้งานง่ายขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฟังก์ชันในการเลือกซื้อ สั่ง จ่าย และโอน ผ่านหน้าแอปฯ แบบครบจบในที่เดียว ง่ายๆ เพียงสแกนจ่ายด้วยคิวอาร์โค้ด หรือจะให้ทางร้านค้าสแกนบาร์โคดผ่านแอปพลิเคชันก็ได้ เหมาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์ยุค COVID-19 ที่ทุกคนต้องการลดการสัมผัสจากสิ่งที่ต้องอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันได้ทุกที่ ทุกเวลาเพื่อชำระสินค้าที่ร้านค้า หรือชำระค่าบิลต่าง ๆ โดยในอนาคต “ดอลฟิน” ยังมุ่งเน้นในการสร้าง Digi-Financial Ecosystem ร่วมกับพันธมิตรภาคธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงิน และภาครัฐ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลสำหรับคนไทยทุกระดับ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์คนไทยสู่ชีวิตยุคดิจิทัลและสังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบในอนาคต
3.แพลตฟอร์มอัจฉริยะ ภายใต้การร่วมมือระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่
ถึงจะเป็นแอปฯ น้องใหม่ในตลาดไทย แต่แอปพลิเคชัน “ดอลฟิน” ก็การันตีความฟิน เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้การร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล และ JD.com/JD Digits ผู้นำธุรกิจฟินเทคและอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน โดยการร่วมมือนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีทางด้านการเงินมาพัฒนาและส่งมอบบริการด้านการเงินและฟินเทคอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร ด้วยฐานผู้ใช้ที่กว้างของทั้งสองบริษัท แพลตฟอร์มอัจฉริยะ “ดอลฟิน” จึงเข้าใจถึงเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบันและสามารถตอบโจทย์ด้านการเงินออนไลน์แก่ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
4.แอปฯ ที่มาพร้อมกับความปลอดภัยสูงสุด
นอกจาก Dolfin Wallet จะการันตีเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานให้ได้รับทั้งความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานแล้ว รู้หรือไม่ว่า? ในเรื่องของความปลอดภัย “ดอลฟิน” ก็นับเป็นเจ้าตลาดเช่นกัน เพราะเป็นแอปฯ แรกในประเทศไทยที่ได้นำระบบ E-KYC (Electronic Know-Your-Customer) เข้ามาพัฒนาด้านระบบรักษาความปลอดภัยในการให้บริการ ด้วยการนำเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Facial Recognition) และการอ่านตัวอักษรจากภาพถ่าย (Optical Character Recognition) ที่มีความแม่นยำสูงมาช่วยในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้เมื่อทำการสมัครใช้บริการ แล้วยังเสริมทัพความปลอดภัยในการชำระเงินแต่ละครั้งด้วยเทคโนโลยี Dynamic QR Code ที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับแต่ละยอดการใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานหมดห่วงกับการโดนโจรกรรมข้อมูลต่าง ๆ ไปได้เลย
5.หมดห่วงเรื่องการชำระเงินข้ามแพลตฟอร์มกับระบบ “Open-Loop” และช่องทางการเติมเงินที่หลากหลาย
หลาย ๆ คนอาจจะเบื่อกับข้อยกเว้นต่าง ๆ ในการใช้อีวอลเล็ทที่จำกัดการใช้จ่ายเฉพาะแพลตฟอร์ม แต่หมดห่วงได้เลยเพราะ Dolfin Wallet ได้ถูกพัฒนาระบบการจ่ายเงินเป็นแบบ Open-Loop รายแรกของประเทศไทย ซึ่งระบบการชำระเงินรูปแบบนี้มีความแตกต่างจากระบบของผู้ให้บริการ e-Wallet ของเจ้าอื่น ๆ ที่จำกัดให้ผู้ใช้สามารถชำระสินค้าและบริการได้เพียงกับเจ้าของแพลตฟอร์ม e-Wallet นั้น ๆ เท่านั้น
อธิบายง่าย ๆ คือ Dolfin Wallet สามารถรองรับการชำระเงินให้กับทุกร้านค้าที่เปิดรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code ในระบบพร้อมเพย์ที่มีกว่า 4.5 ล้านจุดทั่วประเทศ และปัจจุบันมีจุดรับชำระเงินกับร้านค้าพันธมิตรอีกกว่า 6 พันจุดทั่วประเทศ อาทิ Central, Robinson, Tops, Supersports, B2S, Family Mart, Major Cineplex Ootoya, Pepper Lunch, McDonalds, KFC, Black Canyon, Boots อีกทั้งยังสามารถเติมเงินได้แบบครบครันทุกช่องทาง โดยสามารถเลือกตัดจ่ายตรงด้วยการเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต และบัตรเครดิตทุกประเภท ทั้งวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด, เติมเงินผ่านแอปฯ mobile banking หรือเติมเงินเข้าสู่บัญชีดอลฟิน ผ่านเคาน์เตอร์เซ็นเพย์ (CenPay) กว่า 1.9 พันสาขาทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปฯ ในการซื้อสินค้าและบริการได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
6.คุ้มฟินกับโปรโมชันตลอดปี พร้อมสะสมแต้ม The1 พิเศษทุกครั้งที่จ่ายผ่านแอปฯ ดอลฟิน
Dolfin Wallet ยังพร้อมมอบความคุ้มค่าแบบสุด ๆ ตลอดปี ให้ลูกค้าเพลิดเพลินไปกับโปรโมชันและสิทธิพิเศษมากมายจากร้านค้าพันธมิตร ทั้งในและนอกเครือเซ็นทรัล และยังมีร้านค้าพันธมิตรใหม่ ๆ ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ฟินเพิ่มเติมอีกในอนาคตอย่างแน่นอน นอกจากนี้พิเศษมากขึ้นไปอีกเพราะ Dolfin Wallet เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพียงรายเดียวที่ลูกค้าสามารถสะสมคะแนนพิเศษ The1 สำหรับทุกการใช้จ่าย 100 บาทที่จ่ายผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ดอลฟิน
7.จ่ายก่อนก็สบายใจกับฟีเจอร์ “แชร์กันจ่าย”
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เข้ามาตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์การจับจ่าย กิน เที่ยว ฟิน เป็นแก็งค์ ให้หารจ่ายกันง่าย ๆ โดยไม่ต้องจับเงินสด หรือตามทวงกันให้วุ่นวายเพียงใช้ฟังก์ชัน “แชร์กันจ่าย” (Share Bill) แค่ใส่ยอดค่าใช้จ่ายของบิลนั้น ๆ และเลือกได้เลยว่าจะหารเท่า หรือหารจ่ายตามจริง แล้วส่ง QR Code ไปให้เพื่อนได้เลย รวมถึงในอนาคตกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ดอลฟินยังคงพัฒนาฟีเจอร์ให้มีการแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ยังไม่คืนเงินอีกด้วย คราวนี้ก็ไม่ต้องไปเกรงใจ ไปไล่ทวงเงินกันทีหลังให้วุ่นวาย
8.คลิกสั่งไว ไม่รอคิว
หลาย ๆ คนอาจจะเบื่อกับการที่จะต้องไปเดินชอปปิงเลือกของและรอคิวชำระเงินที่ยาวเหยียด แถมยังเสี่ยงกับการติดเชื้อ COVID-19 อีก หมดห่วงไปได้เลยเพราะตอนนี้ แอปฯ ดอลฟิน ได้เปิดบริการใหม่อย่าง “คลิกสั่งไว ไม่รอคิว” (Order & Collect) ร่วมกับ “ท็อปส์” เพื่อเพิ่มความสะดวก ปลอดภัยและประหยัดเวลาในการสั่งและรับสินค้า ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน พร้อมชำระเงินอย่างปลอดภัยผ่าน Dolfin Wallet แล้วไปรับสินค้าได้เลยภายใน 2 ชั่วโมง ณ จุดบริการลูกค้าของ “ท็อปส์” 10 สาขาใกล้บ้านของคุณ นอกจากนี้ “ดอลฟิน” ยังเปิดให้บริการการสั่งอาหารแบบ Take Away จาก 12 ร้านดังในเครือซีอาร์จี โดยไม่ต้องรอคิว ช่วยประหยัดเวลาในการรอสั่งอาหารที่หน้าร้าน และการรอรับอาหาร พร้อมลดการสัมผัสในทุกขั้นตอน เพียงแค่สั่งอาหารและชำระเงินผ่าน Dolfin Wallet จากที่ใดก็ได้ แล้วเข้ามารับอาหารที่หน้าร้านได้เลยภายใน 30 นาที สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย แถมยังคิดราคาตามจริงจากเมนู ไม่มีการบวกค่าอาหารเพิ่มให้ปวดหัว
9.รับประทานชิล ๆ ห่างไกล COVID-19
แอปฯ ดอลฟิน เพิ่มฟีเจอร์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุค “นิวนอร์มอล” แบบสุด ๆ ไปเลยกับ “คลิกสั่งไว ไร้สัมผัส”(Zero-Touch Dine in Experience) ที่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อให้ลูกค้าสามารถทั้งสั่งอาหาร นั่งรับประทาน และจ่ายในแอปฯ เดียวผ่านคิวอาร์โค้ด โดยไม่ต้องสัมผัสเมนู หรือเงินสดให้ต้องกังวลกันอีกต่อไป ง่ายๆ เพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปพลิเคชันดอลฟินที่โต๊ะอาหารในร้านอาหารชั้นนำในเครือซีอาร์จี เพื่อเลือกสั่งเมนูอาหารที่ต้องการ และยังสามารถเลือกวิธีการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตที่เชื่อมต่อกับบริการ Dolfin Wallet ได้เลย และแน่นอนยังได้รับโปรโมชันพิเศษจากทางร้านเช่นเคย
10.เบื้องหลังที่มาของคำว่า “ดอลฟิน”
ท้ายสุดกับเกร็ดความรู้ที่ผู้บริหารแอบกระซิบมา รู้หรือไม่ว่า “ดอลฟิน” หรือที่ภาษาอังกฤษเขียนว่า “Dolfin” นั้นทุกท่านอาจจะสังเกตได้จากโลโก้ของแบรนด์ว่ามาจากศัพท์ภาษาอังกฤษ “Dolphin” ที่แปลว่า “ปลาโลมา” ผสมคำว่า “Finance” โดย ‘Fin” นั้นสื่อได้ถึง 2 ความหมาย คือเรื่องการเงิน และความรู้สึกฟินที่ได้อะไรที่ถูกใจ ซึ่งเจ้าปลาโลมานั้นนอกจากจะฉลาดแล้วยังเป็นมิตรและจริงใจกับทุกคนอีกด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนแบรนด์ของ “ดอลฟิน” ที่สามารถเข้าได้กับทุกพันธมิตรธุรกิจและพร้อมจะช่วยสนับสนุนให้พันธมิตรสามารถเติบโตไปข้างหน้าด้วยกันได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ชื่อ “ดอลฟิน” ยังได้ถูกคิดให้ตรงกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการสร้างแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานในทุกมิติของผู้บริโภค ช่วยคิดวางแผนเรื่องการเงินอย่างชาญฉลาด และสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตและชำระเงินรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนทุกการใช้จ่ายให้เป็นเรื่องง่าย ปลอดภัยและฟินกว่าเดิมภายใต้คอนเซ็ปต์ “คิดให้ ใช้ฟิน”
พอจะรู้จักกับเจ้ากระเป๋าเงินออนไลน์อัจฉริยะนี้แล้วก็อย่าพลาดที่จะสัมผัสประสบการณ์ชำระเงินรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนทุกการใช้จ่ายให้เป็นเรื่องสนุกและฟินกว่าเดิม…ดาวน์โหลดเลย!