Newscurveonline.com : ในทันทีที่มีโอกาสทัวร์ดินแดน “ปัตตานี” พร้อมกับรับรู้โปรแกรมท่องเที่ยวว่าจะได้ไปเยือน “ชุมชนท่องเที่ยวบางปู” ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ต้องยอมรับว่าทำเอาแปลกใจที่ดินแดนด้ามขวานของไทยแห่งนี้มีสถานที่พ้องชื่อเดียวกันกับสถานตากอากาศเลื่องชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ
แต่เมื่อได้ฟังคำเล่าขานของผู้นำท่องเที่ยวชุมชนแห่งนี้จึงได้ทราบว่า ชื่อของ “ชุมชนท่องเที่ยวบางปู” มาจากสภาพความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่จนเป็นแหล่งอาศัยของ “ปูดำ” เป็นจำนวนมาก ประกอบกับพื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวปัตตานีจึงทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ควบคู่ไปกับการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลาในกระชัง รวมถึงเลี้ยงปูดำตามสภาพธรรมชาติ
ความโดดเด่นของการเดินทางมาเยือน “ชุมชนท่องเที่ยวบางปู” คือการล่องเรือชมสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าโกงกางและทัศนียภาพอันเงียบสงบของอ่าวปัตตานีซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 74 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะเป็นรูปอ่าวโค้งรูปวงรี ปากอ่าวเปิดออกเชื่อมกับอ่าวไทย โดยมี “แหลมตาชี” หรือ “แหลมโพธิ์” ที่เกิดจากสันทรายทับถมกันเป็นแนวยาวยื่นขนานกับแนวแผ่นดินใหญ่ไปในทะเล แบ่งพื้นที่อ่าวไทยกับอ่าวปัตตานีออกจากกัน โดยชาวบ้านรอบ ๆ อ่าวปัตตานีต่างเรียกท้องน้ำบริเวณอ่าวปัตตานีว่า “ลาโอะ” หมายถึง “ทะเลใน” และเรียกพื้นที่บริเวณทะเลอ่าวไทยด้านนอกอ่าวปัตตานีว่า “ลาโอะ ลูวา” หมายถึง “ทะเลนอก”
พื้นที่ทะเลในบริเวณก้นอ่าวปัตตานียังมี “ป่าชายเลนยะหริ่ง” อันอุดมสมบูรณ์ด้วยความโดดเด่นของขนาดพื้นที่เกือบ 1 หมื่นไร่ จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทยซึ่งมีทั้งป่าชายเลนที่เป็นผืนป่าเก่าหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ป่าโบราณ” ที่เต็มไปด้วยป่าโกงกางหนาทึบ ขนาดสูงใหญ่เกินกว่า 10 เมตร รวมทั้งป่าชายเลนใหม่ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติสรรค์สร้างและเกิดจากการปลูกป่าเพิ่มเติมของชุมชนและนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
แต่ที่โดดเด่นและ “น่าทึ่ง” จนต้องร้อง “ว้าว!” คือ การได้สัมผัสพบเห็นกับ “อุโมงค์โกงกาง” ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง มีลักษณะคือ ต้นโกงกางสองฝั่งค้อมตัวเข้าหากันจนเหมือนเป็นอุโมงค์อันร่มรื่น มีระยะทางยาวประมาณ 700-800 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร เบื้องบนปกคลุมไปด้วยโกงกางต้นสูงใหญ่ใน 2 ฟากฝั่งที่โน้มตัวลงมาคารวะสายน้ำ เกิดเป็นลักษณะของอุโมงค์ต้นไม้ที่ถูกเรียกขานให้เป็น “อุโมงค์โกงกาง” อันสวยงามน่าทึ่ง จนอาจกล่าวได้ว่ามีไม่กี่แห่งในเมืองไทย
ณ จุดนี้สามารถจอดเรือ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ทั้งยังสามารถลงจากเรือเพื่อไปเหยียบรากของต้นโกงกางที่เป็นเสมือนสปานวดเท้าตามวิถีธรรมชาติได้ตามอัธยาศัย จนเมื่ออิ่มเอิบกับความมหัศจรรย์ของป่าโกงเกงอย่างจุใจแล้ว เรือจะพาล่องออกไปยังอ่าวปัตตานี ซึ่ง ณ จุดนี้คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับฝูงนกนานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น นกเป็ดน้ำ นกหัวขวาน นกยางเปีย นกยางเทา และอื่น ๆ อีกมากมาย
“ชุมชนท่องเที่ยวบางปู” อยู่ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ 10 กิโลเมตร บนทางหลวงแผ่นดินสาย 42 (ถนนสายปัตตานี-นราธิวาส) ถือเป็นหนึ่งในโมเดลของการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ประสบความสำเร็จของจังหวัดปัตตานีที่น่าไปเยือนสักครั้งหนึ่ง โดยมีแพ็คเกจการท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบเช้าไปเย็นกลับ และพักค้างคืน ค่าใช้จ่าย สำหรับแพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน ราคา 600 บาทต่อคน ส่วนเรือเที่ยวละ 600 บาทต่อลำ (ลำละประมาณ 7 คน)
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจังหวัดนราธิวาส (รับผิดชอบพื้นที่นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) โทร.0 7352 2411, 0 7354 2345