Newscurveonline.com : รายงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวฉบับล่าสุด ซึ่งจัดทำขึ้นโดย SiteMinder ผู้นำแพลตฟอร์มตัวกลางระดับโลกในการเข้าถึงลูกค้าให้กับธุรกิจโรงแรม เผยผู้ให้บริการที่พักทั่วโลกที่มีกว่าหนึ่งล้านรายจะเผชิญกับ 5 ระยะการปรับตัวในวงจรการจองที่พักจนกว่าจะพ้นวิกฤติการแพร่ระบาด
รายงานการศึกษาพฤติกรรมและความชอบที่เปลี่ยนไปของนักท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 6 เดือนของ SiteMinder ภายใต้ชื่อ Booming to Privilege: The New Realities for a Hotel Industry in Need of a Reset ได้ทำการสรุปทั้ง 5 ระยะการปรับตัวในวงจรการจองที่พัก ซึ่งได้แก่ ระยะเติบโตจากการท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic Acceleration) ระยะคงที่ (Plateauing) ระยะอ่อนไหว (Flux) ระยะตอบรับกับความเปลี่ยนแปลง (Embracing) และระยะเติบโตจากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (International Acceleration)
อ้างอิงจาก 5 ระยะการปรับตัวฯ อุตสาหกรรมโรงแรมของประเทศไทยกำลังอยู่ในระยะคงที่ (Plateauing) หลังจากการจองที่พักในประเทศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในเดือน พฤษภาคม และมิถุนายน โดยค่อย ๆ เข้าสู่ระยะคงที่ในอัตรา 40% ของมูลค่าการจองที่พักของปี 2562
รายงานของ SiteMinder ฉบับล่าสุดดึงข้อมูลการจองที่พักของโรงแรมกว่า 3.5 หมื่นแห่ง แบบเรียลไทม์จาก World Hotel Index ของ SiteMinder และสำรวจความคิดเห็นจากนักท่องเที่ยวชาวไทย ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี เม็กซิโก สเปน อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา กว่า 5 พันคน รวมถึงการพูดคุยกับผู้ให้บริการที่พัก 6 เดือนหลังจากยอดการจองทั่วโลกตกไปต่ำกว่า 9% ของอัตราการจองเดือนเมษายน ปี 2562 ซึ่งเป็นอัตราการจองที่ต่ำที่สุด
นายแบรด ไฮนส์ รองประธานกรรมการบริษัท SiteMinder ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า หลาย ๆ คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคงสงสัยว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งเราคิดว่ามันจะต้องกลับไปอย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพียงแต่ว่าอาจมีหลายสิ่งที่จะเปลี่ยนไปซึ่งเป็นการเปลี่ยนแบบถาวร
รายงานของ SiteMinder ฉบับล่าสุดเผยว่ามีหลายเทรนด์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจองทริปแบบกะทันหัน ความต้องการท่องเที่ยวเมืองชายฝั่งหรือภูมิภาคที่มีประชากรน้อยมากกว่าเมืองใหญ่อย่างเห็นได้ชัดเจน ตามรายงานของSiteMinder ที่ได้รายงานไปเมื่อเดือนพฤษภาคม อย่างในประเทศไทยที่มีปริมาณการจองที่พักในกรุงเทพฯ เมื่อเทียบกับปีก่อนเพียง 29% แต่มีการจองที่พักบนเกาะสมุยมากกว่าปีที่แล้วสูงถึง 37%
สำหรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาคอื่น ๆ ได้แก่ การลดระยะเวลาการเดินทางที่สั้นลง ความต้องการความยืดหยุ่นสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิก/แก้ไขการจองที่พักโดยไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งกลายมาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกที่พักของนักท่องเที่ยวจำนวนเกือบ 1 ใน 3
“COVID-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ทำให้เราเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจที่ทุกคนได้รับผลกระทบอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการการท่องเที่ยวและที่พัก หรือตัวนักท่องเที่ยวเองที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ การเดินทางท่องเที่ยวไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถทำแบบทิ้งขว้าง หรือไม่เห็นความสำคัญได้อีกต่อไป ความสามารถในการเดินทางท่องเที่ยวอย่างเสรีกลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ส่งผลให้ในอนาคตลูกค้าจะมีความระมัดระวังในการเลือกมากขึ้นและใช้เวลาเตรียมตัวหรือจองที่พักสั้นลง ทำให้การคาดการณ์ยอดการจองที่พักในอุตสาหกรรมโรงแรมทำได้ยากมากขึ้น” นายแบรด ไฮนส์ กล่าวเสริม
อนึ่ง ผลสำรวจของ SiteMInder ยังพบอีกว่า แม้ว่าการระบาดใหญ่ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของหลาย ๆ คน โดยมากกว่า 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ “มาก” หรือ “ค่อนข้างมาก” แต่มากกว่า 85% บอกว่าพวกเขามีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอีกภายในสิ้นปี 2564