Newscurveonline.com : เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (TRBN หรือ TRBN Thailand Responsible Business Network) จับมือภาคีภาครัฐและเอกชนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในโครงการ “หมุนเวียน เปลี่ยนโลก” ตั้งเป้าหมายในปีแรกจะส่งขยะ 500 ตันไปสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ
เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นโดยสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กับสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะระดมความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อใช้ศักยภาพของแต่ละภาคีในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า กระแส ESG (Environment, Social and Governance) ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับความท้าทายนี้ได้ควรตระหนักถึงความสำคัญและผนวก ESG เข้ากับการทำธุรกิจ ขณะที่ผู้ลงทุนสถาบันก็ได้ให้ความสำคัญกับ ESG ใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจลงทุน โดย ก.ล.ต. ได้ริเริ่มโครงการถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ ภายใต้โครงการเสริมสร้างตลาดทุนธรรมาภิบาลเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อเชิญชวนบริษัทจดทะเบียนในแนวถนนวิภาวดีรังสิต มาร่วมกันบริหารจัดการขยะภายในองค์กร และได้สนับสนุน “โครงการส่งพลาสติกกลับบ้าน” ที่ถนนสุขุมวิท โดยเชื่อมั่นว่าโมเดลดังกล่าวจะสามารถขยายผลไปยังถนนเส้นอื่นต่อไป รวมทั้งภาคธุรกิจสามารถยกระดับการเปิดเผยข้อมูลสะท้อนเรื่อง ESG ผ่านรายงาน One Report
“การลงนามในเจตนารมณ์ร่วมกันในครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่มีพลังมากที่มุ่งผลักดันให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง โดยมีองค์กรจากทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือแบบ end-to-end จึงเชื่อมั่นว่าจะช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ความยั่งยืน และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) ปีค.ศ.2030”
ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีบริษัทจดทะเบียนกว่า 700 บริษัท ซึ่งกระบวนการดำเนินธุรกิจได้ผลิตสินค้าและบริการตอบสนองผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยห่วงโซ่ธุรกิจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้นของขยะเศษอาหาร ขยะพลาสติก และขยะจากการผลิต ภาคตลาดทุนจึงต้องการมีส่วนร่วมลดปัญหาขยะดังกล่าว ซึ่งในโครงการ “หมุนเวียน เปลี่ยนโลก” ถือเป็นต้นแบบที่ดีช่วยให้บริษัทภาคเอกชนในตลาดทุนไทยตระหนักถึงการจัดการขยะในการะบวนการดำเนินธุรกิจที่เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น
“ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอชื่นชมและสนับสนุนเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (TRBN) และพันธมิตรกว่า 38 องค์กรที่ร่วมขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และส่งเสริมบรรษัทภิบาลในตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน”
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดวิกฤติต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้บริษัทส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงที่ดีต้องคํานึงถึงความยั่งยืน ยิ่งในช่วงที่โลกของเรากําลังเปราะบางเช่นนี้ มิฉะนั้นจะนํามาซึ่งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในระยะยาว
“เราสามารถดําเนินงานได้จากโครงการเล็ก ๆ โครงการใกล้ตัว อย่างเช่น โครงการหมุนเวียน เปลี่ยนโลก ไม่จําเป็นต้องลงทุนมากมาย แต่เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มนวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ กิจการของเราก็จะยั่งยืน เติบโต สามารถรักษาส่วนต่างของรายได้และค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้”
นางพิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (TRBN) เปิดเผยว่า บริษัทเอกชน องค์กร ภาครัฐ ภาควิชาการและประชาสังคม 38 องค์กรมาร่วมลงนามแสดงเจตนารมณ์ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กว้างขวางและพัฒนาอย่างเป็นระบบอย่างแท้จริง
“เศรษฐกิจหมุนเวียนมีความตื่นตัวกันทั่วโลกและมีความจำเป็นเพราะทรัพยากรมีจำกัดขึ้นทุกวัน ฉะนั้นการนำขยะกลับมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจึงมีความสำคัญมาก”
ในส่วนของประเทศไทยนั้น รายงานจากกรมควบคุมมลพิษเผยว่าในปี 2562 ประเทศไทยผลิตขยะ ประมาณ 28.7 ล้านตัน แต่ขยะมูลฝอยที่ได้รับการคัดแยกขยะต้นทางและนำกลับไปใช้ประโยชน์มีปริมาณเพียง 12.6 ล้านตัน (ร้อยละ 44) นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นถึงปีละ 12% โดยในจำนวนนี้เป็นพลาสติกใช้ครั้งเดียวประมาณ 80% กับมีขยะพลาสติกหลุดรอดไปในทะเลมากถึงปีละ 3 หมื่นตัน สำหรับขยะในเมืองนั้นพบว่าเป็นเศษอาหารในสัดส่วนสูงถึง 64% อย่างไรก็ตาม การเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 กระตุ้นพฤติกรรมการสั่งสินค้าและอาหารมาส่งถึงบ้าน ทำให้ปัญหาขยะพลาสติกเฉพาะในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
“เศรษฐกิจหมุนเวียนมีการดำเนินงานกันบ้างแล้ว แต่กระบวนการไปสู่ความสำเร็จยังไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะในด้านของการรวบรวมและคัดแยก ซึ่งถ้าทำสำเร็จจะช่วยชาวไทยทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม”
TRBN จึงเชิญบริษัทจดทะเบียนไทยในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน และบริษัทเอกชนที่เป็นคู่ค้า หรือบริษัทในห่วงโซ่การผลิตและจัดการ มาร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ในสังคม นำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดในวงกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่ แยกปทุมวัน-ราชประสงค์ เพื่อจัดการทรัพยากรให้ครบวงจร เพื่อร่วมกันสร้างระบบและนวัตกรรมการจัดการใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้ง การเก็บข้อมูล ประเมินผล และถอดบทเรียนเชิงวิชาการ
“การลงนามความร่วมมือโครงการหมุนเวียนเปลี่ยนโลกในวันนี้ก็เพื่อร่วมดำเนินโครงการบนพื้นที่แยกปทุมวัน-ราชประสงค์ เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2563 – ธันวาคม 2564 โดยมีเป้าหมายจะรวบรวมวัสดุใช้แล้วที่สะอาดและแห้งเข้าระบบการรีไซเคิลให้ได้ไม่น้อยกว่า 500 ตัน จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการนำไปใช้ใหม่ของแต่ละองค์กร”
นางพิมพรรณ กล่าวว่า TRBN ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในช่วงต้นปีโดยนำร่องเปิดจุดรับขยะพลาสติกสะอาดและแห้ง 10 จุดบนถนนสุขุมวิท ได้ผลเป็นที่น่าพอใจคือมีประชาชนนำขยะพลาติกมาส่ง 2.2 ตัน ในเวลา 90 วัน และสามารถลำเลียงเข้ากระบวนการรีไซเคิลร้อยละ 90
“เราคาดหวังว่าการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนในทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ผลิตสินค้า ผู้ผลิตขยะ ผู้รวบรวม รีไซเคิล จนครบกระบวนการ เพื่อให้ประเทศไทยเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ กว้างขวางต่อไป”