Special Stories » ชี้ปัจจัยหลักเขย่าอุตสาหกรรมยาไทยโตแรง!

ชี้ปัจจัยหลักเขย่าอุตสาหกรรมยาไทยโตแรง!

3 มีนาคม 2020
0

Newscurveonline.com : ประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยาของภูมิภาคซึ่งเป็นผู้จัดงาน CPhI South East Asia 2020 เทียบชั้นกับผู้จัด CPhI หลายประเทศชั้นนำ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อเมริกา และอิตาลี

CPhI South East Asia 2020 เป็นงานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมอุตสาหกรรมผลิตยาครบวงจร ครอบคลุมทั้งส่วนผสมและสารออกฤทธิ์สำหรับการผลิตยา ผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูป เครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตยา การบริการว่าจ้างผลิตยา บรรจุภัณฑ์และการขนส่งยา ตลอดจนนวัตกรรมสารสกัดจากธรรมชาติและสมุนไพร ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2563 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี โดยมีบูธแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์กว่า 280 ราย จาก 20 ประเทศทั่วโลก

เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยาในอาเซียนของไทย “อินฟอร์มา มาร์เก็ต” ในฐานะผู้จัดงาน จึงได้เชิญบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรม ทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ มาร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยถึงทิศทางอุตสาหกรรมยาของเมืองไทย

 “สิทธิบัตรยา” เปิดช่องผลิตยา ใช้ในประเทศ-ส่งออกเติบโต

ดร.ภญ.มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า มูลค่าอุตสาหกรรมยาในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท จากมูลค่านี้หากคิดเป็นสัดส่วนแล้ว ประเทศไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าถึง 75% ขณะที่การผลิตในประเทศยังมีเพียง 25% จึงเป็นโอกาสที่อุตสาหกรรมการผลิตยาในประเทศจะยังเติบโตได้อีกมาก

ขณะที่ นายรชฎ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอแลป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันยาต่างประเทศที่หมดระยะเวลาคุ้มครองตามสิทธิบัตรมีจำนวนมากกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ผู้ผลิตในประเทศไทยสามารถผลิตยาได้หลายตัวยามากขึ้น ทดแทนการนำได้เข้าอีกมาก นอกจากนี้ ยาที่ผลิตในประเทศไทยก็ยังได้รับความเชื่อถือจากเภสัชกร หมอ ผู้ป่วย ผู้ใช้ยา ในประเทศเพื่อนบ้านและหลายประเทศในภูมิภาค เป็นผลจากการที่ในอุตสาหกรรมเราช่วยกันควบคุมคุณภาพการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสดีในการส่งออกยา

สังคมสูงวัยดันผลิตยาพุ่ง-แพ็คเกจจิ้งปรับตาม

การก้าวสู่สังคมสูงวัยของไทยกนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มีความต้องการใช้ยาเพิ่มมากขึ้น โดยไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมผลิตยาเท่านั้นที่เติบโต แต่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอย่างแพ็คเกจจิ้งก็ได้รับอานิสงส์นี้ด้วย ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า การมาถึงของสังคมผู้สูงวัย ย่อมนำมาสู่การเติบโตของแพ็คเกจจิ้ง ทั้งในแง่การออกแบบ อย่างที่เราทราบกันดีว่าฉลากยามักจะมีตัวหนังสือที่เล็กมาก อาจต้องมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ฉลากมีความเป็นมิตรกับผู้สูงวัยมากขึ้น รวมไปจนถึงการดีไซน์ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และทำให้มีการใช้ยาได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ในแง่การผลิตก็จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ยา โดย วว. มีศูนย์การบรรจุหีบห่อไทยที่คอยให้คำแนะนำและการสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการในด้านนี้โดยเฉพาะ

 

หนุนเทคฯชีวภาพ-เพิ่มสปีดกระบวนการ

ดร.ชุติมา กล่าวด้วยว่า วว. สนองนโยบายรัฐบาลที่เห็นโอกาสว่าเทคโนโลยีชีวภาพจะกลายมาเป็นแต้มต่อสำคัญของธุรกิจในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศอื่น ๆ จึงให้บริการแก่ผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่เพาะปลูกไปจนถึงการหีบห่อ เช่น การส่งเสริมการเกษตรแบบไร้สารพิษ รองรับการค้นคว้าวิจัย การทดสอบต่าง ๆ รวมไปจนถึงควบคุมคุณภาพ เพื่อลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ งานวิจัยของทางสถาบันเป็นล้วนแต่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆที่พร้อมไปสู่การผลิตในเชิงพานิชย์ โดยผู้ประกอบการสามารถเข้ามาบ่มเพาะไอเดีย ไปจนพัฒนาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบได้

ขณะที่ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เสริมว่า การมีนโยบายรัฐที่ชัดเจน ทำให้มีการส่งเสริมกระบวนการขออนุญาตต่าง ๆ รวดเร็วขึ้น เช่น การจดทะเบียนยา มีการใช้กฎหมายใหม่ ๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น ในอนาคตก็จะมีการรวมหน่วยงานตรวจสอบทางจริยธรรมของโรงพยาบาลต่าง ๆ ให้รวมเป็นศูนย์เดียว เพื่อรองรับการขออนุญาตเพื่อการวิจัยที่สะดวกรวดเร็ว มีมาตรฐานและตรวจสอบง่ายขึ้น

กลไกรัฐออกฤทธิ์ ดันสมุนไพรไทยเต็มเหนี่ยว

นพ.สรรพงษ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดโครงสร้างหน่วยงานและกระบวนการต่าง ๆขึ้นมารองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เช่น กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ คณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือการขึ้นทะเบียนยาสมุนไพรที่มีความก้าวหน้าขึ้นมาก อย่างเช่นปัจจุบันเรามีตำรับอ้างอิงอยู่ราว 100 ตำรับที่ผู้ประกอบการสามารถใช้วิธีการจดแจ้ง โดยการระบุรายละเอียดส่วนผสมในยา เพื่อขึ้นทะเบียนยาที่ไม่อันตราย เช่น ยาหม่อง ยาหอม ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

เทรนด์ “วิถีธรรมชาติ” เปิดทางสารสกัด-สมุนไพรไทย

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ ภูมิภาคอาเซียน “อินฟอร์มา มาร์เก็ต ประเทศไทย” กล่าวว่า การจัดงาน CPhI South East Asia 2020 มีการขยายพื้นที่การจัดงานขึ้นถึง 40% เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมสารสกัดธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งที่เป็นสมุนไพร และผลผลิตทางการเกษตร โดยในกลุ่มยาสมุนไพรที่รองรับทั้งการบริโภคในประเทศและการส่งออก ซึ่งคาดว่าน่าจะเติบโตได้ถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรป การใช้ยาที่มาจากธรรมชาติกลายมาเป็นเทรนด์สุขภาพที่มาแรง หลายประเทศขายยาสมุนไพรแพงกว่ายาแผนปัจจุบันเสียอีก

ขณะเดียวกัน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ยังให้ความสำคัญอย่างมากกับการสร้างงานวิจัยนำสมุนไพรมาใช้ทดแทนหรือใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน โดยใช้ในลักษณะที่เป็นสารสกัดหรือใช้สารสำคัญ หากสมุนไพรไทยพิสูจน์ได้ว่าสามารถรักษาโรคได้เทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน และไม่เป็นพิษหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพก็ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีของผู้ป่วยทั่วโลก.