Newscurveonline.com : ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศด้านการส่งออกสินค้าผัก-ผลไม้ทั้งค้าขายในประเทศและต่างประเทศ “ตลาดจริงใจ” (Farmers’ Market) ซึ่งบริหารงานโดยยึดมั่นหัวใจหลัก “สุขใจ ภูมิใจ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ภายใต้การดูแลของ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรในท้องถิ่นและภาคประชาชน โดยวางคอนเซปต์ให้เป็นตลาดผัก ผลไม้สด และอาหารท้องถิ่นจากเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อจำหน่ายให้กับคนในจังหวัด ในรูปแบบ “ปลูกโดยคนบ้านเฮา เพื่อคนบ้านเฮา” จึงขอร่วมยืนหนึ่งเป็นกำลังใจในการสนับสนุนและขับเคลื่อนให้เกษตรกรไทยยังคงมีรายได้ และเปิดพื้นที่ในการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าช่วยเหลือให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยได้ค้าขายสินค้าคุณภาพส่งตรงถึงผู้บริโภคทั้งช่องทางออฟไลน์-ออนไลน์ เพื่อก้าวข้ามวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ปัจจุบัน “ตลาดจริงใจ” (Farmers’ Market) มีทั้งหมด 15 สาขา ใน 13 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมาแม้ในยามเกิดวิกฤติไวรัส COVID-19 สมาชิกผู้ค้าของ “ตลาดจริงใจ” (Farmers’ Market) ยังสามารถจำหน่ายสินค้าได้ตามปรกติ พร้อมได้รับการดูแลวางมาตรการด้านความปลอดภัย ทำให้พ่อค้าแม่ค้ายังคงมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีช่องทางในการระบายสินค้าอย่างต่อเนื่อง
“ตลาดจริงใจ” มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อกลุ่มเกษตรกรในการพัฒนาชีวิต สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยใช้ความเชี่ยวชาญของทีมงานจัดซื้อประจำภูมิภาคและส่วนกลางให้คำแนะนำ ช่วยเหลือทั้งด้านการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านอาหารท้องถิ่น การจัดอบรมแลกเปลี่ยนความรู้ต่อกลุ่มเกษตรกรในการสร้างผลผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การบริการจัดการระบบซัปพลายเชน ตลอดจนร่วมวางแผนผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดและกลุ่มผู้บริโภค เช่น ผักสลัด กลุ่มเมล่อน การผลิตผัก-ผลไม้ให้มีคุณภาพ ปลอดภัย ไร้สารพิษ ได้มาตรฐาน GAP การพัฒนาแพ็คเกจจิ้งบรรจุสินค้าโดยเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ ปรับดีไซน์ให้สวยงาม ทันสมัย มีมาตรฐานเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเหมาะแก่การจัดส่ง
ภายในตลาดจริงใจทุกแห่งยังรณรงค์ให้งดใช้ถุงพลาสติกใส่สินค้าเพื่อลดปริมาณขยะและลดโลกร้อน ทั้งยังมีการให้คำแนะนำการบริหารจัดการสินค้า เช่น จัดเรียงสินค้า การเก็บสต็อกสินค้า จนไปถึงการขายผลผลิตให้กลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร การค้าขายผลผลิตระหว่างร้าน และการนำผลผลิตเด่นดังของท้องถิ่นมาจำหน่ายในตลาดกรุงเทพฯ เช่น ผลไม้ฤดูกาล ผักท้องถิ่นแต่ละภูมิภาค นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ศูนย์กลางให้เกษตรกรได้สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง เพื่อจะได้ทราบความต้องการของผู้บริโภคว่าต้องการผัก-ผลไม้ชนิดใด เพื่อจะได้นำไปปรับเปลี่ยนวางแผนการปลูกได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นสถานที่เรียนรู้ให้กับชุมชน หน่วยงานราชการทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็งต้นแบบจากการมีส่วนร่วมและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ปัจจุบันสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบไปทั่วโลกและยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรไม่สามารถส่งออกผลผลิตได้เช่นเดิม มีปริมาณผลผลิตคงค้างภายในประเทศจำนวนมาก ทำให้ขาดทุนและขาดรายได้ “ตลาดจริงใจ” ทุกสาขาทั่วประเทศจึงยังคงเดินหน้าตั้งตนเป็นพื้นที่สำคัญเข้าช่วยเหลือเกษตรกร และขับเคลื่อนให้ธุรกิจภาคเกษตรก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดี พร้อมยกระดับมาตรการความปลอดภัยของสินค้าเพิ่มยิ่งขึ้น โดยผักและผลไม้ทุกชนิดจะต้องผ่านการตรวจสอบว่าได้มาตรฐาน ปลอดภัย และเป็นแหล่งที่ผู้บริโภคสามารถมาจับจ่ายผัก ผลไม้ อาหารท้องถิ่นที่มีสรรพคุณสร้างภูมิคุ้มกันได้โดยตลอด ซึ่งได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ โดยผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อสินค้ากลุ่มเกษตรได้ทั้งที่หน้าร้านและผ่านแอปพลิเคชัน Line@ เช่น @jingjaichiangmai ,@jingjaimarket_udon, @jingjai_nakhornsri, @jingjai_suratthani, @jingjai_CWN, @jingjai_westgate เป็นต้น โดยมีบริการส่งถึงบ้านและคิดค่าส่งตามระยะทาง
ด้านเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งได้เข้าร่วมจำหน่ายสินค้าที่ตลาดจริงใจ (Farmers’ Market) เริ่มต้นด้วย นายสนั่น พ่วงจั่น ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพอเพียง บ้านคลองตาชม หมู่ 9 จ.นนทบุรี ผู้จำหน่ายข้าว เผยว่า
“โดยปกติ ผมจำหน่ายข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวกข43 ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียวทรงธรรม ข้าวเหนียวประดู่ ที่ตลาดจริงใจ ซึ่งปีนี้เข้าปีที่ 6 โดยมีพื้นที่นาปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ทำให้ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากตลาดแห่งเดียวที่จำหน่ายมาตลอดนั้นจำเป็นต้องปิด ทำให้ไม่สามารถหารายได้เข้าครอบครัวและกลุ่มเกษตรกร จากเดิมที่เคยสามารถหารายได้ 5-6 พันบาทใน 3 วัน แต่โชคดีที่มีทีมตลาดจริงใจเข้ามาติดต่อที่เกษตรจังหวัด เพื่อเฟ้นหากลุ่มเกษตรกรที่ผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ จึงทำให้สามารถหาช่องทางจำหน่ายข้าวในช่วงวิกฤตินี้ได้ที่ตลาดจริงใจ สาขาเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ และสาขาเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ทำให้ครอบครัวและสมาชิกของกลุ่มมีรายได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้มากเลย ซึ่งข้าวที่จำหน่ายนี้เหมาะกับผู้บริโภคทุกวัย เพราะเป็นข้าวเพื่อสุขภาพ มีวิตามินสูง ไม่มีสารเคมีตกค้าง ผ่านการวิจัยจากห้องแล็บ หรือห้องปฏิบัติการในประเทศไทย โดยข้าวที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือข้าวกข43 เพราะมีจุดเด่นคือน้ำตาลน้อย ช่วยให้สุขภาพดี แข็งแรง เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีความดันสูง โดยการได้มาร่วมโครงการกับตลาดจริงใจ ยังทำให้ได้พัฒนาแพ็คเกจจิ้งให้ตรงตามคอนเซ็ปต์รักษ์โลกของตลาดด้วย ซึ่งก็ช่วยพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเราได้มากขึ้น”
ถัดมาที่เกษตรกร นายชยพล เชียวน้อย ประธานกลุ่มวิสาหกิจกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตำบลบางกร่าง
จ.นนทุบรี ผู้จำหน่ายผลไม้ เผยว่า
“โดยปกติผมขายผลไม้อยู่ที่ตลาดตามโรงพยาบาลในนามของเกษตรจังหวัดนนทบุรี เช่น ตลาดนัดสถาบันโรคทรวงอก ตลาดนัดสถาบันบำราศนราดูร และกรมอนามัย จากเดิมสวนของผมปลูกผลไม้และพืชสวน เช่น กล้วย มะม่วง มีการส่งออกเยอะมาก ปลูกไม่ทันขาย หรือขายไม่พอ แต่เมื่อเกิดวิกฤติไวรัส COVID-19 ทำให้เกิดผลกระทบคือ การขายหยุดชะงัก ขายไม่ได้ ผลผลิตล้น เพราะไม่มีพื้นที่ขาย แต่ตอนนี้ได้จุดขายผลไม้หลักคือ ตลาดจริงใจ สาขาเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ซึ่งได้ทีมตลาดจริงใจเข้ามาติดต่อในนามเกษตรจังหวัด ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือเฉพาะผมเท่านั้น แต่รวมถึงเกษตรกรคนอื่น ๆ ในจังหวัดนนทบุรีด้วย เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลไม้สดของเกษตรกร รวมทั้งยังได้ร่วมมือกันคัดเกรดผลไม้ที่มีคุณภาพสูงเพื่อนำเข้ามาจำหน่ายที่ตลาดจริงใจ ส่วนเกรดรองลงมาก็จะนำไปแปรรูป เช่น กล้วยแปรรูปเป็นกล้วยตาก มะม่วงแปรรูปเป็นมะม่วงกวน เพื่อให้ผู้บริโภคได้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า ซึ่งผลไม้ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ จะเป็นกล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง และกล้วยหอม เป็นต้น”
ส่งท้ายด้วย นางสาวสุธามณี ดีสันเที๊ยะ ร้านกาละแม ทิพย์สมุย จ.สุราษฎร์ธานี ผู้จำหน่ายอาหารท้องถิ่น เผยว่า
“ร้านของเราขายกาละแม ทุเรียนกวน ทำจากทุเรียนหมอนทอง และมีครองแครง น้ำพริกใต้ไตปลาแห้ง ซึ่งเป็นของดีเมืองสุราษฎร์ธานี น้ำพริกกุ้งเสียบ น้ำพริกนรกไข่เค็ม น้ำพริกนรกแมงดา และไข่เค็มไชยา ซึ่งจะได้ความนิยมมากที่สุด โดยสินค้าส่วนใหญ่ของเราจะทำขึ้นเอง ผลิตจากโรงงานของเรา เน้นคุณภาพเป็นหลัก จะไม่มีสารกันบูด และผสมสารใด ๆ ทำให้ปีนี้สินค้าของเราได้รับรางวัล OTOP 5 ดาวด้วย โดยปกติช่องทางจำหน่ายสินค้าของเราจะมีที่ห้างในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง และตลาดจริงใจ สาขาสุราษฎร์ธานี แต่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบให้ห้างปิด ทำให้ช่องทางจำหน่ายที่เคยมีหายไป และกระทบต่อรายได้เดิมจากยอดขายวันละ 2-3 พันบาท ตกลงมาเหลือเพียง 500-700 บาท ทำให้ทีมงานเราเครียดกันมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าขนส่งสินค้า ซึ่งในยามวิกฤตินี้ก็ยังคงได้ทีมตลาดจริงใจเข้ามาช่วยเหลือและให้คำปรึกษา ทำให้ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นที่ตลาดจริงใจ สาขาเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ พร้อมทั้งคอยแนะนำการพัฒนาแพ็คเกจจิ้งให้สวยงาม ดึงดูดสายตาผู้ซื้อ เพื่อให้สามารถจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของตลาดจริงใจเพิ่มขึ้นอีกช่องทาง ซึ่งพวกเราก็ตั้งใจค้าขายทุกวัน แนะนำสินค้าให้กับลูกค้าอย่างเต็มที่ ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาที่ 700-1,500 บาทต่อวัน”
ร่วมอุดหนุนสินค้าคุณภาพดีจากเกษตรกรท้องถิ่นที่ “ตลาดจริงใจ” (Farmers’ Market) ทั้ง 15 สาขา ใกล้บ้านคุณได้ที่ เซ็นทรัลพลาซา สาขาเชียงราย ,เชียงใหม่, อุดรธานี, นครราชสีมา, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, อุบลราชธานี, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ขอนแก่น ท็อปส์พลาซ่า สาขา พะเยา, สิงห์บุรี, พิจิตร, อุดรธานี และโรบินสัน สาขาสุพรรณบุรี เราเชื่อว่ากำลังใจและการสนับสนุนจากทุกคนจะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปพร้อมกัน.